สัญชาติอิตาเลียน
สัญชาติอิตาเลียนขึ้นอยู่กับหลักการ “โดยสายโลหิต” ซึ่งความมีสัญชาติอิตาเลียนได้รับการสืบทอดไปยังบุตรที่เกิดจากบิดา หรือ มารดาสัญชาติอิตาเลียน อย่างไรก็ตาม การสืบทอดสัญชาติอิตาเลียนทางสายมารดา สามารถใช้ได้เฉพาะกรณีผู้ที่เกิดหลังจากวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เท่านั้น ตามคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน การมีสัญชาติอิตาเลียนได้บัญญัติไว้โดยกฏหมาย เลขที่ ๙๑/๑๙๙๒ ซึ่งต่างจากกฏหมายก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้ให้ความสำคัญแก่ความประสงค์ของปัจเจกบุคคลในการขอสัญชาติ หรือการเสียสัญชาติ หรือการรับรองสิทธิในการถือมากกว่าหนึ่งสัญชาติพร้อมๆกัน ยกเว้นในกรณีที่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
การได้สัญชาติอิตาเลียน
การได้สัญชาติอิตาเลียนโดยอัตโนมัติ
๑. โดยการสืบสัญชาติจากบรรพบุรุษ (โดยสายโลหิต)
ผู้ที่เกิดจากบิดา หรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติอิตาเลียน ย่อมได้สืบทอดสัญชาติอิตาเลียนจากบิดาหรือมารดา โดยไม่จำกัดรุ่น โดยมีเงื่อนไขว่า ไม่มีบรรพบุรุษคนใดเคยสละสัญชาติ
การสืบทอดสัญชาติอิตาเลียนทางสายมารดา สามารถใช้ได้เฉพาะกรณีผู้ที่เกิดหลังจากวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๑
บุตรผู้เยาว์ ที่อาศับอยู่กับบิดาหรือมารดาในขณะที่ได้สัญชาติอิตาเลียน จะได้รับสัญชาติอิตาเลียนด้วยเช่นกัน กฏหมายอิตาลีในปัจจุบันต่างจากในอดีต คือยอมรับการถือสัญชาติมากกว่าหนึ่งสัญชาติพร้อมกัน
บุตรผู้เยาว์ ที่อยู่กับบิดาหรือมารดาในขณะที่ได้สัญชาติอิตาเลียน จะได้รับสัญชาติอิตาเลียนด้วยเช่นกัน กฏหมายอิตาลีในปัจจุบันต่างจากในอดีต คือยอมรับการถือสัญชาติมากกว่าหนึ่งสัญชาติพร้อมกัน
การตรวจสอบสัญชาติ เมื่อบุคคลใดอ้างว่ามีบิดามารดา หรือบรรพบุรุษเชื้อสายอิตาเลียน แต่ไม่มีหลักฐาน ปรากฏในทะเบียนของอิตาลี จำเป็นต้องแสดงหลักฐานว่าบรรพบุรุษทุกคนได้รักษาและสืบทอดสัญชาติอิตาเลียน หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวคือหน่วยงานประจำพื้นที่ซึ่งบุคคลนั้นๆมีถิ่นพำนัก สำหรับผู้มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ สถานทูต หรือสถานกงสุลของอิตาลีประจำประเทศนั้นๆจะมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ส่วนผู้ที่มีถิ่นพำนักที่ประเทศอิตาลี จะเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนท้องที่ของเมืองที่เป็นถิ่นพำนัก
สถานที่เริ่มต้นในการรับรองสัญชาติอิตาเลียนโดยสายโลหิต คือประเทศที่บรรพบุรุษ (ปู่ ยา ตา ทวด ฯลฯ) ได้อพยพไปอาศัย
สำหรับผู้ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย การเริ่มขั้นตอนรับรองสัญชาติโดยสายโลหิต ผู้ขอจะต้องมีถิ่นพำรักอยู่ในประเทศไทย (การมีวีซ่าประเภท “non-immigrant” เท่านั้นไม่เพียงพอ) ดังนั้น เพื่อขอจองคิวตรั้งแรกในการนัดตรวจเอกสารหลักฐาน ผู้ขอจะต่องส่งอีเมล์มายังแผนกกงสุล โดยแนบสำเนาของทะเบียนบ้าน โดยใส่หัวเรื่อง ชื่อ นามสกุล – การขอรับรองสัญชาติโดยสายโลหิต ซึ่งหากขาดหลักฐานดังกล่าว คำร้องจะไม่ได้รับการพิจารณา
๒. โดยการเกิดในดินแดนของประเทศอิตาลี บุคคลที่เข้าข่ายกรณีต่อไปนี้ซึ่งเกิดในดินแดนของประเทศอิตาลี จะได้รับสัญชาติอิตาลี
– ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นบิดามารดา ไม่มีประเทศ หรือไม่สามารถสืบทอดสัญชาติให้แก่บุตรของตนได้ ตามกฏหมายของประเทศที่บุคคลนั้นเป็นพลเมือง
– บุตรที่ไม่ทราบบิดามารดา ที่ถูกทอดทิ้งในดินแดนของประเทศอิตาลี และไม่สามารถที่จะระบุสัญชาติได้
๓. โดยการรับรองความเป็นบิดามารดา บุตรที่ได้รับการรับรอง ในขณะที่ยังเป็นผู้เยาว์ จากบิดา/มารดาสัญชาติอิตาเลียน ในกรณีรับรองบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว จำเป็นที่บุตรจะต้องเลือกถือสัญชาติภายในเวลา ๑ ปีนับจากที่ทำการรับรองบุตร
๔. โดยการรับบุตรบุญธรรม สิทธิในการถือสัญชาติอิตาเลียน ใช้รวมถึงทั้งในกรณีที่เป็นเด็กต่างชาติที่คนอิตาเลียนรับเป็นบุตรบุญธรรม โดยมีคำสั่งศาลของอิตาลี และกรณีการรับบุตรบุญธรรมในต่างประเทศ โดยมี คำสั่งศาล (ที่ออกโดยศาลเยาวชน) ให้ลงทะเบียนในทะเบียนราษฎร์ของอิตาลี เพื่อรับรองให้มีผลในประเทศอิตาลี
หากบุตรบุญธรรมเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถขอสัญชาติอิตาเลียนได้ หลังจากที่มีถิ่นพำนักอย่างถูกต้องตามกฏหมายที่ประเทศอิตาลีเป็นเวลา ๕ ปี หลังจากการรับบุตรบุญธรรม
วิธีการยื่นคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน
การขอสัญชาติอิตาเลียน จากการแต่งงานกับบุคคลสัญชาติอิตาเลียน
คู่สมรสชาวต่างชาติของบุคคลสัญชาติอิตาเลียน สามารถยื่นคำร้อง ขอสัญชาติอิตาเลียนได้โดยมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ก) มีที่อยู่ถาวรที่ประเทศอิตาลี กล่าวคือ มีถิ่นพำนักที่ถูกต้องตามกฏหมาย ๒ ปี หลังจากการจดทะเบียนสมรส (มีหนังสืออนุญาตให้พำนัก และ มีชื่อในทะเบียนราษฎร์ของอิตาลี)
ต้องยื่นคำร้องขอสัญชาติ ต่อแผนกสัญชาติของสำนักงานปกครองส่วนกลางประจำจังหวัด “Ufficio di Cittadinanza della Prefettura”)
ก ทวิ) ผู้มีถิ่นพำนักในต่างประเทศ สามารถยื่นคำร้องได้หลังจากระยะเวลา ๓ ปี จากวันที่ได้จดทะเบียนสมรส (หมายเหตุ – การสมรสจะต้องได้รับการลงทะเบียนแล้วที่สำนักงานอำเภอ (comune) ในประเทศอิตาลี) ในกรณีที่มีบุตร หรือบุตรที่คู่สมรสรับเป็นบุญธรรม ระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นคำร้องได้ จะลดลงครึ่งหนึ่ง
ข) การสมรสคงมีผลอยู่ และการอยู่ร่วมกันของคู่สมรสยังคงอยู่จนถึงวันที่ได้รับสัญชาติอิตาเลียน
ค) ไม่เคยต้องคำพิพากษาในความผิดที่ต้องระวางโทษไม่น้อยกว่าโทษสูงสุดจำคุก ๓ ปี หรือคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศที่ต้องระวางโทษจำคุกมากกว่า ๑ ปี ในความผิดที่มิใช่ความผิดทางการเมือง
ง) ไม่เคยต้องคำพิพากษา ในความผิดที่บัญญัติตามประมวลกฏหมายอาญา ภาค ๒ ลักษณะ ๑ หมวด ๑, ๒ และ ๓ (ความผิดต่อบุคคลของรัฐ)
จ) ไม่มีเหตุที่เป็นอุปสรรคต่อความมั่นคงของสาธารณรัฐอิตาลี
คำร้องขอสัญชาติอิตาเลียนจากการแต่งงาน [ที่ยื่นต่อ สำนักงานปกครองส่วนกลาง (Prefecture) ประจำจังหวัดที่ผู้ยื่นคำร้องมีถิ่นพำนัก ในกรณีที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศอิตาลี หรือ ต่อสถานทูตอิตาลี สถานกงสุลของอิตาลี ในกรณีที่มีถิ่นพำนักอยู่ต่างประเทศ] จะต้องส่งโดยตรงทางออนไลน์ ผ่านทางเวปไซต์ของกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี หลังจากนั้นสถานทูตหรือสถานกงสุลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง จะทำการตรวจสอบ เอกสารและคำร้องดังกล่าวเบื้องต้นทางออนไลน์
คุณสมบัติในการยื่นคำร้องต่อสถานทูต สถานกงสุล
คู่สมรสสัญชาติอิตาเลียนของผู้ยื่นคำร้องขอสัญชาติ จะต้องลงทะเบียนถิ่นที่อยู่ไว้แล้วในทะเบียนราษ์ของผู้ที่พำนักในต่างประเทศ (A.I.R.E)
ในคำร้อง จะต้องระบุหลักฐานว่าตนมีสิทธิในการขอสัญชาติอิตาเลียน โดยแนบเอกสารประกอบดังต่อไปนี้ ซึ่งได้รับการรับรองเอกสารและคำแปลเป็นภาษาอิตาเลียนแล้ว จากสถานทูตอิตาลี(กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติม ในส่วนของ วิธีการเตรียมคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน)
ในกรณีที่ เมื่อยื่นคำร้องแล้ว ปรากฏว่าเอกสารไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์ ผู้ยื่นคำร้องจะได้รับแจ้งให้ทำการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำร้องจะถูกระงับไว้ชั่วคราวระหว่างนั้น หลังจากผ่านช่วงระยะเวลาพอสมควรในการดำเนินการให้คำร้องสมบูรณ์แล้ว แต่ผู้ยื่นคำร้องยังมิได้ดำเนินการแก้ไข จะถือว่าไม่สามารถรับคำร้องนั้นได้
ในการพิจารณาคำร้องขั้นสุดท้าย จะออกเป็นคำสั่งของรัฐมนตีว่าการกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี
หมายเหตุ – รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากเวปไซต์ของกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี ในหน้า “สัญชาติ” (cittadinanza/citizenship)
เมื่อมีคำสั่งอนุมัติให้สัญชาติอิตาเลียน และ ได้แจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องรับทราบแล้ว ผู้ได้สัญชาติต้องทำการสาบานตน หลังจากนั้นจึงจะสามารถขอจดทะเบียนการได้สัญชาติอิตาเลียนในทะเบียนราษฎร์ และดำเนินการอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
วิธีการเตรียมคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน จากการสมรส สำหรับคู่สมรส (อิตาเลียน) ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย
เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยของอิตาลี ได้แก้ไขปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการการในการยื่นคำร้องขอสัญชาติ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๘ พฤศภาคม ให้ผู้ขอเป็นผู้ส่งเอกสารหลักฐานประกอบคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียนจากการสมรสกับบุคคลสัญชาติอิตาเลียน ด้วยตนเอง (มาตรา ๕ ของกฏหมายเลขที่ ๙๑/๑๙๙๒) ผ่านทางออนไลน์ (ALI application) ที่เวปไซต์ https://cittadinanza.dlci.interno.it โดยจะได้รับรหัสผ่านหลังจากลงทะเบียนผู้ใช้แล้ว
ในหน้าเวปไซต์ที่ให้ลงทะเบียน จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนตัว และ คำแนะนำในการกรอกข้อมูลส่วนตัว
ชาวต่างชาติผู้ที่มีสิทธิยื่นคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน (หรือสมาชิกครอบครัวของบุคคลสัญชาติอิตาเลียน ที่รวมถึงคู่สมรสชาวอิตาเลียนเอง ผู้มีชื่อลงทะเบียนถิ่นที่อยู่ในไทยไว้กับสถานทูตฯ และ สำนักทะเบียนในอิตาลี ที่ซึ่งคู่สมรสชาวอิตาเลียนดังกล่าวมีภูมิลำเนาอยู่ล่าสุด) ในกรณีที่ การติดตามผลคำร้อง เป็นหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตอิตาลีที่กรุงเทพฯ ผู้ขอจะต้องเลือกเมนูออนไลน์ที่เวปไซต์ดังกล่าว ซึ่งจะปรากฏแบบฟอร์ม ๔ แบบให้เลือก โดยต้องเลือกกรอกแบบฟอร์ม Modello: AE – Cittadini stranieri residenti all’estero – Art. 5 – richiesta per matrimonio con cittadino italiano (แบบฟอร์ม AE กรณี ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา ๕ คำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน จากกาสมรสกับบุคคลสัญชาติอิตาเลียน)
หมายเหตุ ในกรณีที่คู่สมรสชาวอิตาเลียนไม่ได้ลงทะเบียนถิ่นที่อยู่ไว้กับแผนกกงสุล ของสถานทูตอิตาลี กรุงเทพฯ สำหรับคำร้องขอสัญชาติจากการสมรส ซึ่งจะต้องได้รับการตรวจสอบ สถานทูตฯขอสงวนสิทธิในการขอหลักฐานเอกสารเพิ่มเติม หรือเชิญคู่สมรสมาเพื่อขอข้อมูลที่จำเป็นในการพิจารณาสาเหตุที่คู่สมรสมิได้มีถิ่นที่อยู่ร่วมกัน
ก่อนส่งเอกสาร (ที่เกี่ยวกับสถานภาพในทะเบียนราษฏร์ และหนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม – ตามรายละเอียดด้านล่าง) ผ่านทาง ALI application ออนไลน์ ผู้ขอจะต้องดำเนินการ
๑. รับรองเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย
๒. แปลเอกสารเป็นภาษาอิตาเลียน
๓. ยื่นเอกสารที่แผนกกงสุล ของสถานทูตอิตาลี เพื่อตรวจสอบคำรับรอง คำแปลภาษาอิตาเลียน
ดังนั้น เมื่อยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์กงสุลเพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสารและคำแปลกรุณาระบุว่าเป็นเอกสารสำหรับคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียนจากการสมรส เพื่อที่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบเอกสารที่นำมาแสดงว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
ในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องเคยเปลี่ยน ชื่อ และ/หรือ นามสกุล ในอดีตก่อนหน้านี้ จะต้องมีเอกสารหลักฐาน ที่ได้รับการรับรองเอกสาร และ คำแปลภาษาอิตาเลียน แล้วประกอบด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่ถูกต้องของผู้ขอ
เมื่อเข้าโปรแกรม ALI application จะต้องกรอกแบบฟอร์มทุกช่องที่ระบุไว้ (ซึ่งแยกย่อยออกเป็นหน้าต่างๆ แต่ละหน้า เมื่อกรอกแล้วให้ “บันทึก และ ไปหน้าถัดไป” salvare e andare avanti” ผู้ขอจะต้องระมัดระวังที่สุดในการกรอกข้อมูลที่ถูกต้อง หากปรากฏว่าตัวสะกดของชื่อ/นามสกุล วันเดือนปีและสถานที่เกิด ไม่ตรงกันกับที่ปรากฏในเอกสารหลักฐาน และความเป็นจริง จะต้องเริ่มต้นกรอกคำร้องใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นอีกครั้ง
ในตอนสุดท้าย ให้ทำการอัพโหลดเอกสารแนบคำร้อง ๔ รายการภาคบังคับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยของอิตาลีกำหนด (ซึ่งแต่ละรายการอาจมีมากกว่า ๑ ชุด โดยทำการสแกนเอกสารแต่ละชุด (ซึ่งอาจมีหลายหน้า) แยกเป็นแต่ละไฟล์ ในรูปแบบ .PDF) ได้แก่
ก) สูติบัตร ที่ออกโดยประเทศที่เกิด (รวมถึงหนังสือรับรอง การเปลี่ยนชื่อ และ/หรือ นามสกุล ในอดีต)
ในสูติบัตรจะต้องปรากฏข้อมูลส่วนตัวที่สมบูรณ์ รวมถึงชื่อบิดา มารดา ได้รับการรับรองนิติกรณ์เอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศที่ออกเอกสาร (สำหรับบุคคลสัญชาติไทย เอกสารจะต้องได้รับการรับรองจากแผนกนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย หรือสำนักงานนิติกรณ์สาขาในต่างจังหวัด) พร้อมคำแปลภาษาอิตาเลียน
ก่อนที่จะส่งเอกสารออนไลน์ ต้องนำเอกสารมายืนต่อแผนกกงสุลของสถานทูตอิตาลีเพื่อให้รับรองนิติกรณ์และคำแปลภาษาอิตาเลียน
ข) หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม ออกโดยประเทศที่เกิด และประเทศอื่นที่ผู้ขอมีถิ่นพำนัก ตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี (สำหรับบุคคลสัญชาติไทย หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรมจะออกโดยแผนกตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) หนังสือรับรองดังกล่าวจะต้องได้รับการรับรองจากแผนกนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศของไทย หรือสำนักงานนิติกรณ์สาขาในต่างจังหวัด) พร้อมคำแปลภาษาอิตาเลียน
ก่อนที่จะส่งเอกสารออนไลน์ ต้องนำเอกสารมายืนต่อแผนกกงสุลของสถานทูตอิตาลีเพื่อให้รับรองนิติกรณ์และคำแปลภาษาอิตาเลียน
หมายเหตุ หนังสือรับรองประวัติอาชญากรรม และหนังสือรับรองอื่นๆที่ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงได้ จะมีอายุใช้ได้ ๖ เดือนนับจากวันที่ออกหนังสือรับรอง
ค) หนังสือรับรองการสมรส ที่ออกโดยที่ว่าการอำเภอของอิตาลีซึ่งเป็นที่จดทะเบียนสมรส หรือที่ได้บันทึกการจดทะเบียนสมรส หนังสือรับรองนี้มีอายุใช้ได้ไม่เกิน ๖ เดือน
ง) หนังสือรับรองสถานภาพครอบครัว – ทะเบียนบ้าน และหนังสือรับรองสัญชาติอิตาเลียนของคู่สมรส (สำหรับคู่สมรสอิตาเลียนที่ม่ชื่อลงทะเบียนถิ่นพำนักในประเทศไทยไว้แล้ว ในฐานข้อมูลของแผนกกงสุลของสถานทูตอิตาลี หนังสือรับรองทั้งสองฉบับ จะออกโดยสถานทูตอิตาลี และไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารดังหล่าวทาง ALI application ออนไลน์ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นคำร้อง)
หมายเหตุ – สถานทูตอิตาลีขอสงวนสิทธิในการขอตรวจสอบหลักฐานถิ่นพำนักในกรณีที่ผู้ขอมิใช่บุคคลสัญชาติไทย
จ) สำเนาถูกต้องของหนังสือเดินทาง (ที่ยังไม่หมดอายุ) สำเนาหนังสือเดินทางของคู่สมรสชาวต่างชาติ ที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ หรือ สถานทูต/สถานกงสุล ของประเทศที่ออกหนังสือเดินทางนั้นๆ ในกรณีที่คู่สมรสต่างชาติมิใช่บุคคลสัญชาติไทย/กัมพูชา/ลาว
ก่อนที่จะส่งสำเนาหนังสือเดินทาง ทางออนไลน์ ต้องนำเอกสารมายืนต่อแผนกกงสุลของสถานทูตอิตาลีเพื่อให้รับรองนิติกรณ์เอกสาร
ฉ) หลักฐานใบเสร็จการโอนค่าธรรมเนียมคำร้องขอสัญชาติ จำนวนเงิน 200 ยูโร (โดยโอนเงินผ่านธนาคาร ให้แก่กระทรวงมหาดไทยของอิตาลี ตามรายละเอียดดังนี้
ชื่อบัญชี Beneficiary’s name: Ministero dell’Interno, D.L.C.I. – Cittadinanza, account n. IBAN: IT54D 0760 1032 0000 0000 8090 20; bank: Poste Italiane, Viale Europa, 175 – 00144 Rome – Italy, SWIFT code: BPPIITRRXXX; หรือหากโอนเงินผ่านทาง Eurogiro : PIBPITRA โดยระบุวัตถุประสงค์ในการโอนเงินว่า คำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน: citizenship application)
หมายเหตุ เอกสารในข้อ ก) และ ข) จะต้องทำการรับรองนิติกรณ์ (ตามระเบียบของประเทศที่ออกเอกสารนั้นๆ) และแปลเป็นภาษาอิตาเลียน (รับรองคำแปลโดยแผนกกงสุลอิตาลีประจำประเทศที่ออกเอกสารนั้น)
ขอแนะนำว่าควรทำการสแกนเอกสารแต่ละชุดที่จะต้องส่งออนไลน์ แยกเป็นแต่ละไฟล์ ไว้ก่อนล่วงหน้า (หากเป็นไปได้ ให้บันทึกรูปแบบไฟล์ เป็น .pdf) ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน เพื่อเตรียมไว้พร้อมส่ง
ก่อนส่งคำร้อง ผู้ขอสัญชาติสามารถบันทึก แก้ไข หรือลบ คำร้องได้ แต่เมื่อส่งไปแล้ว ข้อมูลที่กรอกไว้ จะไม่สามารถแก้ไขได้อีก (หากมีข้อผิดพลาด จะต้องทำการกรอกข้อมูลคำร้องใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง โดยต้องลบคำร้องก่อนหน้านี้ออก – ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังที่สุดในการกรอกข้อมูล) ในขณะที่เอกสารแนบคำร้องอื่นๆสามารถอัพโหลดใหม่ได้ หากจำเป็น สำรับผู้ขอที่มีสัญชาติไทย กรุณากรอก “สถานที่เกิด” โดยระบุเฉพาะจังหวัด ตามที่ปรากฎในหนังสือเดินทาง (โดยไม่ต่องใส่ อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ฯลฯ)
เมื่อส่งคำร้องทางออนไลน์แล้ว ระบบคอมพิวเตอร์จะแสดงผลเป็น เอกสารสรุปการส่งคำร้องหนึ่งฉบับ และใบยืนยันการส่ง ซึ่งผู้ยื่นคำร้องจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน ที่ต้องนำมาแสดงเมื่อมีนัดกับสถานทูตอิตาลี ในคราวต่อไป
สถานทูตอิตาลี ขอเรียนว่า
– เจ้าหน้าที่ของแผนกกงสุล ไม่ได้รับอนุญาตให้กรอกเอกสารใน ALI application
– หลังจากส่งเอกสารออนไลน์ทาง ALI application แผนกกงสุลจะติดต่อนัดหมายให้ผู้ยื่นคำร้องขอสัญชาติอิตาเลียน มาที่แผนกกงสุล (พร้อมแสดงหนังสือเดินทาง/บัตรประชาชน หลักฐานสรุปการส่งคำร้องที่ระบบสร้างขึ้น ซึ่งสั่งพิมพ์ไว้) เพื่อแสดงตน และทำการตรวจสอบเอกสาร โดยให้นำหลักฐานเอกสารต้นฉบับที่ได้ส่งไปแล้วทางออนไลน์ มายื่น พร้อมกับหนังสือรับรองการสมรส ที่ออกโดย “Comune” ที่ประเทศอิตาลี ที่ซึ่งได้จดทะเบียน หรือลงบันทึกทะเบียนการสมรสไว้ รวมทั้งตรวจสอบการรับรองความถูกต้องของลายมือชื่อในคำร้อง รวมถึงเอกสารอื่นๆที่ทางสถานทูตฯสงวนสิทธิในการขอเพิ่มเติม หากจำเป็น
เพื่อความสะดวกของผู้ยื่นคำร้องในการระบุสถานทูต/สถานกงสุล ที่มีหน้าที่ในการรับคำร้องประจำเขตนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง ในหน้าเวป ALI application จะมี ลิงค์เชื่อมต่อกับ เวปไซต์อีกเวปหนึ่ง (ชื่อว่า “Secoli” ) ในเวปดังกล่าว หลังจากที่ผู้ยื่นคำร้อง ระบุประเทศที่ตนมีถิ่นพำนักแล้ว ระบบจะแสดงรายการเครือข่ายของสถานทูต/สถานกงสุลทุกแห่ง ที่มีหน้าที่ประจำประเทศที่ระบุนั้น (สำหรับประเทศไทย มีแห่งเดียวคือ สถานทูตอิตาลี กรุงเทพฯ)
หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย (คำร้องขอสัญชาติอิตาเลียนต้องยื่นต่อ สำนักงานปกครองกลางประจำจังหวัด “Prefettura” ที่ประเทศอิตาลี ควรสอบถามกับสำนักงานดังกล่าวให้แน่ชัดว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างที่ออกโดยหน่วยงานของไทย เอกสารที่ออกในไทย ต้องทำการรับรองที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย แปลเป็นภาษาอิตาเลียน (โปรดดู รายชื่อบริษัทแปลเอกสารอ้างอิง) หลังจากนั้นให้ทำนัดออนไลน์ผ่านเวปไซต์ของสถานทูตฯ เพื่อนำเอกสารเหล่านั้นมารับรอง ตรวจสอบคำแปล และประทับตรา (ระยะเวลาในการรับรองเอกสาร ประมาณ ๒ สัปดาห์ทำการ)
ในการรับรองเอกสาร คำแปลเป็นภาษาอิตาเลียน สำเนาถูกต้อง ฯลฯ จะมีค่าธรรมเนียกงสุล ตามอัตราที่กำหนดไว้
La cittadinanza italiana si basa sul principio dello ius sanguinis (diritto di sangue), per il quale il figlio nato da padre italiano o da madre italiana è italiano; tuttavia è da tener presente che la madre cittadina trasmette la cittadinanza ai figli minori solo a partire dal 1° gennaio 1948, per effetto di una specifica sentenza della Corte Costituzionale.
Attualmente, la cittadinanza italiana è regolata dalla legge n. 91 del 5 febbraio 1992 che, a differenza della legge precedente, rivaluta il peso della volontà individuale nell’acquisto e nella perdita della cittadinanza e riconosce il diritto alla titolarità contemporanea di più cittadinanze, fatte salve le diverse disposizioni previste da accordi internazionali.
Nella presente pagina web si forniscono le informazioni relative alle sole procedure di cittadinanza di competenza degli Uffici consolari all’estero. Per ogni altra informazione, si prega di consultare la relativa pagina del sito web del Ministero degli Affari Esteri e della Cooperazione Internazionale al seguente link.
MODALITA’ DI ACQUISTO AUTOMATICHE
- Per filiazione / discendenza (“iure sanguinis”)
E’ cittadino italiano il figlio di genitori (padre o madre) cittadini italiani. La cittadinanza si trasmette da genitore in figlio senza limiti di generazione, con la condizione che nessuno degli avi abbia mai rinunciato alla cittadinanza.
La trasmissione della cittadinanza per linea materna è possibile solo per i figli nati dopo il 1º gennaio 1948. Acquista altresì la cittadinanza italiana il figlio minore convivente con il genitore alla data in cui quest’ultimo acquista o riacquista la cittadinanza italiana.
Diversamente dal passato la normativa ora vigente consente il possesso di più di una cittadinanza.
Se la discendenza di una persona da genitore o avo italiano non risulta nei registri dello stato civile italiano, occorre accertarla e avere la conferma che tutti gli ascendenti abbiano mantenuto e quindi trasmesso la cittadinanza italiana. L’autorità competente ad effettuare l’accertamento è determinata in base al luogo di residenza: per i residenti all’estero è l’autorità diplomatico-consolare territorialmente competente; per i residenti in Italia è l’ufficiale di stato civile del Comune di residenza.
Per avviare la procedura di riconoscimento di cittadinanza per discendenza presso questo Ufficio consolare è necessario che il richiedente abbia la legale residenza in Thailandia e quindi sia in possesso del “Permanent residency in Thailand”, mentre non é sufficiente un “non-immigrant visa”.
La documentazione da produrre è indicata nella Circolare del Ministero dell’Interno n. K.28.1 dell’ 8 aprile 1991 ed è la seguente:
- Estratto dell’atto di nascita dell’avo italiano emigrato all’estero rilasciato dal Comune italiano ove egli nacque;
- Atti di matrimonio e morte dell’avo italiano emigrato all’estero, muniti di traduzione ufficiale in lingua italiana e legalizzazioni se formati all’estero;
- atti di nascita, matrimonio e morte, muniti di traduzione ufficiale in lingua italiana e legalizzazioni, di tutti i suoi discendenti in linea retta, compresi quelli della persona rivendicante il possesso della cittadinanza italiana;
- Certificato rilasciato dalle competenti Autorità dello Stato estero di emigrazione, munito di traduzione ufficiale in lingua italiana e legalizzazione, attestante che l’avo italiano a suo tempo emigrato dall’Italia non acquistò la cittadinanza dello Stato estero di emigrazione anteriormente alla nascita dell’ascendente interessato;
- Certificato rilasciato dalle competente Autorità consolare italiana attestante che né gli ascendenti in linea diretta né la persona rivendicante il possesso della cittadinanza italiana vi abbiano mai rinunciato ai termini dell’art. 7 della legge 13 giugno 1912, n. 555;
- Passaporto e titolo di residenza legale nel Paese.
I certificati di cui ai punti 4 e 5 dovranno essere presentati per tutti gli eventuali paesi terzi di residenza.
Dal momento che il cambio di generalità (nome e cognome) è fenomeno piuttosto frequente in Thailandia, è necessario che nella domanda online vengano usate le generalita’ di cui la persona e’ attualmente in possesso. Inoltre, vanno allegati tutti i certificati giustificativi del cambio di nome e/o cognome, legalizzati e tradotti. Le domande incomplete saranno rifiutate.
Inoltre, si chiarisce che tutti i certificati dovranno essere presentati in originale, quelli esteri dovranno altresì essere muniti di traduzione in lingua italiana dichiarata conforme ed opportunamente legalizzati. A tal fine e per conoscere nel dettaglio le specifiche norme in vigore per ciascun Paese, si raccomanda di consultare il relativo sito web della Rappresentanza diplomatico-consolare italiana di volta in volta competente.
Infine, si specifica che la trattazione delle pratiche di riconoscimento iure sanguinis (per discendenza) è soggetta al pagamento di 300 Euro (articolo 5-bis del decreto legge n. 66 del 24 aprile 2014, convertito con modificazioni dalla legge n. 89 del 23 giugno 2014, pubblicata sulla G.U. n. 143 del 23 giugno 2014). Si precisa che il pagamento è svincolato dalla pratica e NON è rimborsabile.
Per ottenere un primo appuntamento e poter fare una prima valutazione dei documenti è necessario inviare una mail all’ufficio consolare, allegando copia del “booklet locale di permanent residency” ed inserendo come oggetto: il nome e cognome seguito da “Cittadinanza Iure Sanguinis“. Non verranno prese in considerazione richieste che non soddisfino i suddetti prerequisiti.
MODALITÀ DI ACQUISTO A DOMANDA
Acquisto Cittadinanza per Matrimonio con cittadino o cittadina italiani
Il coniuge straniero di un cittadino italiano può acquistare la cittadinanza italiana su domanda in presenza dei seguenti requisiti:
1A) dimora abituale in Italia: due anni di residenza legale (permesso di soggiorno e iscrizione anagrafica) dopo il matrimonio (le istanze vanno presentate all’Ufficio di Cittadinanza della Prefettura);
1B) residenza all’estero: tre anni dalla data del matrimonio (n.b. il matrimonio deve risultare trascritto presso il Comune in Italia). Tali termini sono ridotti della metà in presenza di figli nati o adottati dai coniugi;
2) validità del matrimonio e permanenza del vincolo coniugale fino all’adozione del decreto;
3) assenza di sentenze di condanna per reati per i quali sia prevista una pena non inferiore nel massimo a tre anni di reclusione o di sentenze di condanna da parte di un’Autorità giudiziaria straniera ad una pena superiore ad un anno per reati non politici;
4) assenza di condanne per uno dei delitti previsti nel libro secondo, titolo I, capi I, II e III del codice penale (delitti contro la personalità dello Stato);
5) possesso certificato di un’adeguata conoscenza della lingua italiana, non inferiore al livello B1;
6) assenza di motivi ostativi per la sicurezza della Repubblica.
Requisiti per la presentazione dell’stanza presso l’Autorità Consolare:
Il coniuge italiano deve risultare già regolarmente iscritto all’anagrafe degli italiani residenti all’estero (A.I.R.E.).
Nell’istanza devono essere indicati i presupposti in base ai quali si ritiene di aver titolo all’acquisizione della cittadinanza. Essa deve essere corredata dalla prevista documentazione – legalizzata e corredata di traduzione conforme dall’Ambasciata competente – come meglio specificato più in basso nel paragrafo sulle modalità per avviare la domanda.
Sono previsti costi di tariffa consolare per le varie asseverazioni delle firme dei funzionari che legalizzano gli atti stranieri, per bolli e per le certificazioni di conformità agli originali delle traduzioni in Italiano.
Se alla presentazione dell’istanza (on-line) la documentazione è irregolare o incompleta, si inviterà l’interessato alla regolarizzazione, rimanendo la domanda nel frattempo in sospeso. Trascorso un congruo lasso di tempo senza che il richiedente abbia provveduto all’integrazione dei documenti mancanti, la domanda è ritenuta inammissibile.
Il provvedimento finale è adottato con decreto del Ministro dell’Interno.
Dopo l’emissione del Decreto di Conferimento della Cittadinanza Italiana e la sua notifica all’interessato è necessario prestare giuramento. Una volta prestato il Giuramento si potrà richiedere la trascrizione del Decreto di Cittadinanza nei registri di Stato Civile e procedere con i successivi adempimenti.
Modalità per avviare la pratica di richiesta della cittadinanza per matrimonio per coniuge di residenti in Thailandia
La documentazione che accompagna l’istanza di cittadinanza a seguito di matrimonio con coniuge italiano deve essere inviata – a cura del richiedente – attraverso un’apposita applicazione on-line disponibile all’indirizzo: http://cittadinanza.dlci.interno.it, il sito è disponibile dalle 8.00 alle 20.00 orario italiano. A seguito della registrazione, l’utente riceverà le credenziali di accesso.
Nella pagina di registrazione sono presenti le istruzioni per il corretto inserimento dei dati anagrafici.
Il richiedente straniero che può presentare la domanda i cui seguiti sono di competenza di quest’Ambasciata a Bangkok (ossia il cui nucleo familiare comprensivo del coniuge italiano è regolarmente iscritto in AIRE), dovrà, tra i quattro modelli disponibili nel sito web, compilare il Modello: AE – Cittadini Stranieri residenti all’Estero – Art. 5 – richiesta per matrimonio con cittadino italiano.
N.B. Nel caso in cui il coniuge italiano non sia residente nella Circoscrizione consolare di competenza dell’Ambasciata, si fa riserva di richiedere altra documentazione, convocare i coniugi, acquisire ogni elemento necessario alla valutazione delle cause per le quali il nucleo familiare non è unito.
Alcuni dei documenti da inserire (quelli riguardanti lo Stato Civile, la copia autenticata – e asseverata – del passaporto e i certificati penali – si veda più in basso per i dettagli) nell’applicazione on-line ALI dovranno essere precedentemente:
- Legalizzati presso il locale Ministero degli Affari Esteri
2. Tradotti in italiano
3. Presentati all’Ufficio Consolare dell’Ambasciata per il controllo della legalizzazione e della traduzione conforme in italiano.
Si prega pertanto, in occasione della presentazione dei documenti all’Ufficio Consolare per la legalizzazione e la conformità, di specificare che si tratta di un procedimento di cittadinanza iure matrimonii al fine di poter espletare, con il personale allo sportello, una verifica preventiva della documentazione prodotta.
Si rammenta inoltre ai richiedenti che eventuali cambi di nome e/o cognome effettuati in passato andranno tutti debitamente certificati, legalizzati e tradotti in italiano, al fine di accertare le esatte generalità anagrafiche del richiedente.
Nell’applicazione on-line ALI il richiedente straniero dovrà:
- compilare i campi previsti dai vari moduli che costituiscono I’istanza dell’interessato. Si prega di prestare ogni attenzione all’inserimento dei dati richiesti, in caso di refusi sui nomi e/o luoghi e date, o informazioni inserite non congruenti con i dati dei documenti o della situazione fattuale, l’istanza dovrà essere inserita nuovamente dall’inizio.
- caricare i documenti obbligatori (che possono essere anche più di uno per tipologia, scansionati in multi pagina affinché in un unico file .pdf vi siano tutte le pagine).
Documentazione necessaria per richieste di cittadinanza per matrimonio:
- a) atto di nascita del Paese di origine (e eventuali certificazioni/decreti che hanno statuito cambi di nome e/o cognome intervenuti); l’atto di nascita deve essere completo di tutte le generalità, compresa paternità e maternità, legalizzato dalla competente Autorità del Paese d’origine (per i cittadini Thailandesi dal Ministero Affari Esteri Thailandese) e munito di traduzione in Italiano; l’atto, prima di essere interito nel portale on-line deve essere presentato all’Ufficio Consolare dell’Ambasciata per la legalizzazione e la traduzione conforme in italiano;
- b) certificato penale del paese di origine e di eventuali Paesi terzi di residenza a partire dai 14 anni di età in cui il coniuge straniero ha eventualmente risieduto dall’età di 14 anni in poi, (per i cittadini Thailandesi tale certificato è rilasciato dalla Reale Polizia thailandese). Il Certificato va legalizzato dalla competente Autorità del Paese d’emissione (per la Thailandia dal Ministero Affari Esteri Thailandese) e munito di traduzione in italiano; l’atto, prima di essere inserito nel portale on-line deve essere presentato all’Ufficio Consolare dell’Ambasciata per la legalizzazione e la traduzione conforme in italiano;
N.B. I certificati penali, come tutti i certificati soggetti a modificazioni, hanno una validità di 6 mesi dalla data di rilascio.
N.B. per i cittadini americani, o per i richiedenti che hanno risieduto negli Stati Uniti, e’ necessario reperire e caricare sia il certificato penale statale, per ciascuno Stato dove si e’ risieduti, sia il certificato penale federale.
- c) estratto dell’atto di Matrimonio rilasciato dal Comune Italiano dove il Matrimonio è stato registrato o trascritto;
Questo certificato ha una validità di sei mesi; - d) certificato di stato di famiglia e certificato di cittadinanza del coniuge italiano (per i coniugi stranieri di residenti italiani regolarmente iscritti in AIRE, il documento è emesso d’ufficio – questi due documenti non devono essere inseriti nel portale ALI ma vanno tenuti agli atti dell’ufficio di competenza per l’istanza);
- e) copia autentica del passaporto (il documento originale deve essere in corso di validità). La copia autentica del passaporto del coniuge straniero è rilasciata dal Ministero degli Esteri (ente emittente) o dalla Rappresentanza diplomatico-consolare dello Stato che lo ha rilasciato, qualora il coniuge straniero non sia di cittadinanza Thailandese/Cambogiano/Laotiano; la copia in parola, prima di essere inserita nel sito web ALI deve essere certificata dall’Ufficio Consolare dell’Ambasciata;
- f) L’art. 9.1 alla legge 91/1992, introdotto dalla legge del 4 dicembre 2018, prevede per il riconoscimento della cittadinanza il possesso di un’adeguata conoscenza della lingua italiana, non inferiore al livello B1 del Quadro comune di riferimento per la conoscenza delle lingue. L’accertamento del requisito va effettuato attraverso l’acquisizione di:
– un titolo di studio rilasciato da un istituto di istruzione pubblico o paritario;
– oppure una certificazione rilasciata da un ente certificatore.
Gli enti certificatori riconosciuti sono i seguenti:
– l’Università per stranieri di Siena
– l’Università per stranieri di Perugia
– l’Università di Roma “La Sapienza”
– l’Università Roma Tre
– la Società Dante Alighieri (che ha numerose sedi all’estero, anche in Thailandia)
Potranno essere considerate valide le certificazioni di livello non inferiore a B1 rilasciate dai suddetti enti.
- g) ricevuta di bonifico del contributo di 250 euro (bonifico bancario o circuito Eurogiro al conto corrente postale intestato al Ministero dell’Interno D.L.C.I. – Cittadinanza [coordinate IBAN: IT 54D 0760 1032 0000 0000 8090 20; codice BIC/SWIFT: BPPIITRRXXX; per operazioni Eurogiro: PIBPITRA; indicando la causale del versamento]).
N.B. i documenti ai punti a) e b) devono essere debitamente legalizzati (secondo le disposizioni previste nel Paese di formazione dell’atto) e tradotti in italiano (con traduzione conforme dell’Ufficio consolare competente per Paese di emissione del documento).
Prima di inviare la domanda, l’utente potrà salvarla, modificarla, eliminarla, etc.. Tuttavia, una volta trasmessa, i dati inseriti non saranno più modificabili (in caso di errori sarà necessario procedere a un nuovo inserimento completo, eliminando la precedente istanza – si prega pertanto, di inserire i dati con la massima attenzione), sarà invece possibile ricaricare i documenti previsti, qualora necessario . Per i richiedenti thailandesi, al fine di mantenere uniformità con quanto previsto dalla normativa locale, si prega di inserire come luogo di nascita la stessa dicitura riportata nel passaporto thailandese dell’istante, ossia solo la provincia di nascita (senza menzionare distretti, sotto distretti, villaggi, etc.).
Una volta inviata la domanda, verrà generato un documento riepilogativo e la ricevuta di invio, che si prega di stampare e conservare per la presentazione all’appuntamento successivo in Ambasciata, in caso di accettazione della domanda.
Si rammenta che dopo aver presentato on-line la domanda, e a seguito delle prime verifiche dell’Ufficio, verrà inviato all’indirizzo di posta elettronica indicato dal richiedente sul modulo di registrazione, un messaggio che invita alla consultazione del portale sul quale il richiedente potrà visualizzare le comunicazioni a lui inviate e relative a:
– l’avvenuta accettazione della domanda e il relativo numero assegnato (K10/C/…), nonche’ le modalità per la presentazione dei documenti cartacei
– l’eventuale irregolarità della domanda, dei dati inseriti, della documentazione errata, etc., con indicazioni, se necessario, per il reinserimento e invio ex novo della domanda
Il richiedente puo’ sempre accedere al portale (e’ bene farlo con regolarità) per consultare nell’area privata le comunicazioni inviate e relative alla sua istanza.
Dopo aver inviato on-line nel portale ALI la documentazione, il richiedente, in caso di accettazione della domanda di cittadinanza, sarà convocato presso l’Ufficio Consolare (si prega di presentarsi con un documento d’identità e una stampa del documento riepilogativo generato dal sistema) per l’identificazione, la verifica e l’acquisizione agli atti della Sede della documentazione originale già presentata per via telematica, la consegna dell’estratto di matrimonio del Comune italiano dove risulta registrato o trascritto.
Si segnala, infine, che per facilitare al richiedente l’individuazione della Rappresentanza diplomatico-consolare competente territorialmente a ricevere l’istanza, è stato creato sul portale ALI un link di collegamento ad un portale (denominato “Fast-It”) che tramite una funzione consente all’utente – dopo aver selezionato lo Stato di residenza – di scegliere, tramite un menù a tendina, la Rappresentanza competente accedendo ad un elenco comprendente l’intera Rete diplomatico-consolare del Paese selezionato.
N.B. Per i residenti in Italia: la pratica di richiesta della cittadinanza va inoltrata alla competente Prefettura, si prega di informarsi su quali documenti, prodotti dalle Autoritá locali, sono richiesti dalla Prefettura. I documenti locali dovranno essere legalizzati presso il Ministero degli Esteri Thailandese e tradotti in Italiano. Infine portati, previo appuntamento preso on-line su questo sito, all’Ufficio Consolare per ottenere le conformitá delle traduzioni e le legalizzazioni.
Sono previsti costi di tariffa consolare per le varie legalizzazioni di firma, per bolli e per certificazione di conformità agli originali delle traduzioni in Italiano.
Per le altre modalita’ di acquisto a domanda:
Si prega di visionare le informazioni istituzionali al seguente link:
http://www.esteri.it/MAE/IT/Italiani_nel_Mondo/ServiziConsolari/Cittadinanza.htm
PERDITA DELLA CITTADINANZA e RIACQUISTO DELLA CITTADINANZA
Si prega di accedere alle informazioni istituzionali al seguente link:
http://www.esteri.it/MAE/IT/Italiani_nel_Mondo/ServiziConsolari/Cittadinanza.htm
L’Informativa sul trattamento dei dati personali ai fini del riconoscimento della cittadinanza iure sanguinis o della sua acquisizione per naturalizzazione è disponibile QUI.